ถูกแจ้งความในจังหวัดที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของตน จะต้องไปศาลไหน?
About Course
ตนถูกแจ้งความว่ากระทำทำความผิดในจังหวัดที่ไม่ใช่ภูมิลำเนา มีหมายเรียกมา จะต้องไปขึ้นศาลจังหวัดที่เกิดเหตุหรือภูมิลำเนา?
คำถาม
โดนแจ้งความว่าทำความผิดในจังหวัดที่ไม่ใช่ภูมิลำเนามีหมายเรียกมาต้องไปขึ้นศาลจังหวัดที่เกิดเหตุหรือภูมิลำเนา มีเจ้าทุกข์แจ้งความไว้ในต่างจังหวัด ผู้ต้องหาและเจ้าทุกข์อยู่ต่างจังหวัดที่ไม่ใช่พื้นที่แจ้งเหตุ จะต้องไปสอบสวนที่จังหวัดที่รับแจ้งแล้วก็ต้องขึ้นศาลใช่หรือไม่ ?
คำตอบ
เมื่อศาลใดมีหมายศาลเรียกให้มาให้การเป็นพยานต้องพิจารณาเนื้อหาในหมายเรียกว่าให้ท่านไปในศาลใดท่านก็ต้องไปศาลนั้น เช่น หากมีการส่งหมายข้ามเขต (มาตรา 56 ป.วิ.อ.) จากศาลจังหวัดตลิ่งชันไปยังศาลจังหวัดมีนบุรี ศาลจังหวัดมีนบุรีจะเป็นผู้ออกหมายเรียกท่าน bandar togel online ซึ่งในหมายเรียกไปให้การเป็นพยานอาจระบุให้ท่านขึ้นให้การที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันก็ได้ หรือศาลจังหวัดตลิ่งชันอาจเลือกวิธีการส่งประเด็นไปให้ศาลจังหวัดมีนบุรีสืบพยาน กรณีหลังเมื่อศาลจังหวัดมีนบุรีมีหมายเรียก เนื้อหาในหมายเรียกก็จะเป็นการเรียกให้ท่านไปให้การเป็นพยานในศาลจังหวัดมีนบุรี
จากตัวอย่างข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การได้รับหมายเรียกจากศาล ให้พิจารณาเนื้อหาหมายเรียกเป็นหลักว่าหมายเรียกให้ไปทำหน้าที่ใด และให้ไปทำหน้าที่นั้นที่ศาลใด ไม่มีบทกฎหมายตายตัวว่าเมื่อศาล ก. ออกหมายเรียก จะต้องไปศาล ก. เท่านั้น ผู้รับหมายเรียกจะต้องไปศาลใดต้องดูเนื้อหาในหมายเรียกเป็นหลัก ซึ่งหลักดังกล่าวก็ใช้กับหมายเรียกของพนักงานสอบสวนที่ออกโดยศาลด้วย
สำหรับประเด็นเรื่องการสอบสวนนั้น เจ้าพนักงานสอบสวนมีอำนาจในการเลือกสถานที่สำหรับการสอบสวนได้เองตามความเหมาะสม (มาตรา 130 ป.วิ.อ.) ดังนั้นสถานที่สอบสวนจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสถานที่ร้องทุกข์หรือสถานที่อยู่ของผู้ต้องหาหรือสถานที่อยู่ของเจ้าทุกข์ ซึ่งแตกต่างกับเรื่องอำนาจสอบสวนที่มีกฎหมายวางเงื่อนไขไว้ชัดแจ้งว่าพนักงานสอบสวนท้องที่ใดที่จะมีอำนาจสอบสวนคดีได้บ้างซึ่งโดยหลักแล้วเฉพาะพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่มีความผิดอาญาเกิดขึ้นเท่านั้นจึงจะมีอำนาจสอบสวน (มาตรา 18 ป.วิ.อ.) ตัวอย่างเช่น การลักทรัพย์เกิดในท้องที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจบางยี่ขัน โดยหลักแล้วพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจสอบสวนคดีลักทรัพย์นี้ก็มีแต่เฉพาะพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจบางยี่ขันเท่านั้น พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจอื่นไม่มีอำนาจสอบสวน ส่วนสถานที่สอบสวนนั้นขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจบางยี่ขันจะเลือก หากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจบางยี่ขันเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีผู้มีอิทธิพลก็อาจเลือกไปสอบสวนในสถานที่อื่นที่อยู่นอกเขตบางยี่ขันก็ได้
สำหรับประเด็นสุดท้ายคือศาลที่จะพิจารณาคดีอาญา โดยหลักแล้วศาลที่มีอำนาจชำระคดีก็คือศาลที่ความผิดเกิดขึ้นหรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้น เช่น คดีลักทรัพย์เกิดที่ตลิ่งชัน ศาลที่มีอำนาจชำระคดีก็คือศาลจังหวัดตลิ่งชัน แต่หากจับผู้ต้องหาหรือดำเนินการสอบสวนนอกท้องที่ที่ความผิดเกิดหรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้น ศาลที่มีเขตอำนาจเหนือสถานที่จับผู้ต้องหาหรือสถานที่สอบสวนก็เป็นศาลที่มีอำนาจชำระคดีเช่นกัน (มาตรา 22 ป.วิ.อ.) เช่น คดีลักทรัพย์เกิดที่ตลิ่งชัน แต่ตำรวจจับผู้ต้องหาได้ที่บางบอน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจตลิ่งชันก็ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจบางบอนเพื่อความสะดวก และเมื่ออัยการยื่นฟ้องอัยการก็อาจยื่นฟ้องได้ทั้งศาลจังหวัดตลิ่งชันอันเป็นศาลที่มีเขตอำนาจเหนือสถานที่ที่ความผิดเกิด หรืออาจยื่นฟ้องที่ศาลอาญาธนบุรีอันเป็นศาลที่มีเขตอำนาจเหนือสถานที่ที่จับผู้ต้องหาและเป็นสถานที่สอบสวนก็ได้
